ตะหลิวรีเทิร์น
เปล่าครับ มันไม่ได้ลอยจากมือใคร และตกลงบนหัวของใคร แต่ผมหมายถึง ป้าฟาสต์ฟู้ด ตะหลิวในตำนานเบอร์หนึ่งของวงการขายอาหารตามสั่ง อาณาจักรหน้ากระทรวงการคลัง
กลับมาแล้วครับ
ตลอดเวลาเป็นเดือนที่ป้าหายไปจากวงการ ผมและเพื่อนผมความยากลำบากอย่างยิ่งในการเติมพลังตอนเที่ยง เพราะปัญหาที่คอยกวนสมองพวกเราตลอดเวลาคือ
“เที่ยงนี้จะกินอะไร”
แม้จะมีร้านอาหารรายรอบกระทรวงการคลังมากมายจนนับไม่ถ้วน ซึ่งเราสามารถเลือกกินได้ไม่ซ้ำร้านกันเป็นเวลาหลายอาทิตย์ หรืออาจจะเป็นเดือนก็ตาม
แต่ร้านอาหารที่ถูกจริตพวกผมมากที่สุด คือ ร้านป้าฟาสต์ฟู้ดนี่แหล่ะ
แต่กลับมาครั้งนี้ ป้าเปี๊ยนไป๋
อธิปไตยทางดินแดนของป้า ถูกคร่าหายไปกว่าครึ่ง เนื่องจากการรุกรานของอริศัตรูผู้ทรงพลานุภาพ ครับ เซเว่นอีเลฟเว่น แผ่ขยายอาณาจักร จากเดิม สองคูหา มาเป็น สาม นั่นย่อมหมายความว่า อาณาจักรตะหลิวทองคำของป้า ร่อยหรอเหลือเพียงหนึ่งคูหา (จริงๆไม่ถึงด้วยซ้ำ เพราะท้ายร้านของป้า เป็นร้านเสริมสวย ซึ่งผมกับพรรคพวกสงสัยเหลือเกินว่า ไฉนมาเปิดร้านเสริมสวย ท้ายร้านขายอาหารตามสั่งฟะ งี้เกิดคุณนายทำผมตีฟูใส่สเปรย์ มาเรียบร้อย เดินผ่านหน้าเตาป้า ไม่เปลี่ยนเป็นกลิ่นกระเพราไก่ไข่ดาวสุกๆเหรอ)
แม้ขนาดจะเล็กลง แต่ป้าไม่ท้อ ขอยึดเอาไอ้ไม่ถึงคูหาเดียวเป็นที่มั่น และประกอบสัมมาอาชีพของป้าต่อไป
วันนี้จึงเป็นวันแรกที่ผมและพรรคพวกได้ลิ้มรสฝีมือป้าอีกครั้ง (น้ำตาจะไหล)
เพื่อนบ้านของป้ากลับมาครบครัน นั่นคือ พี่ข้าวมันไก่และข้าวขาหมู เว้นเสียแต่พี่ข้าวหน้าเป็ดที่ไปแล้วไปลับ ตั้งนมนานกาเล
แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิม นอกจากขนาดของอาณาจักรของป้านั้น ก็คือ…
ป้าถูกริดรอนวรยุทธ …
ป้าถูกประกาศิต ห้ามสะบัดตะหลิว
ผมแทบไม่เชื่อสายตา และหูของตัวเอง ยามเดินไปสั่งกับข้าว ซึ่งตอนแรกว่าจะคิดเมนูพิสดารต้อนรับการกลับมาของป้า แต่กลับต้องผิดหวัง เพราะป้าบอกว่า
“เค้าห้ามผัดกับข้าว” เหตุเพราะ กลัวควันกับข้าวมันฟุ้งกระจาย (ผมคาดว่าน่าจะเกิดจากการกดดันจากร้านเสริมสวยหลังร้านด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นนั่นแหล่ะครับ)
ทำอาหารตามสั่ง แต่ถูกสั่งห้ามผัดกับข้าว … ท่านผู้ชม มันอะไรกันครับ
ทางออกที่ป้าพอจะคิดได้ หากต้องการรักษาอาชีพนี้ต่อไปก็คือ ป้าต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเอง จากที่เคย “สั่ง” แล้ว “ทำ” กลายเป็น
“ทำ” ก่อน “สั่ง”
ป้าผัดกับข้าวมาก่อน ใส่หม้อ กะละมังมา รอเวลาลูกค้าสั่ง แล้วจึงตักกับข้าวเหล่านั้น ใส่จานแล้วเสิร์ฟ
ความเร็วอาจไม่ลดลง
แต่เสน่ห์หายไป
เสน่ห์จากการสะบัดตะหลิว รวมไปถึงความหลากหลายของเมนูอาหาร ก็หดหายไปด้วย
ทุกวันนี้ป้าทำได้เพียงแต่ “ต้ม” วรยุทธของป้าหดหายไปมาก
แม้ป้าจะพยายามหาอาวุธใหม่ๆ มาเสริมเขี้ยวเล็บให้ยังพอมีอยู่ เช่น การนำเอาข้าวหมูแดงมาขายเพิ่มความหลากหลายในเมนูร้าน แต่ผมเชื่อว่ามันก็เทียบไม่ได้กับ ของเดิมๆที่ป้าเคยมี
ลูกค้าหลายคนหายหน้าไปเพราะ ร้านป้าเล็กลง ไม่มีที่ว่างพอให้นั่ง
แม้ขาประจำบางรายจะสั่งกับข้าวป้าใส่กล่อง ขึ้นไปกินบนสำนักงาน แต่นั่นก็ยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่ป้าเคยได้รับมา
ผมสังเกตเห็นชีวิตชีวาบนใบหน้าของป้าหายไป ตลอดเวลาที่มือเป็นระวิง ตักกับข้าวเสิร์ฟลูกค้า สายตาและใบหน้าของป้าดูกังวลๆยังไงไม่รู้สิครับ อาจจะเป็นเพราะยังไม่คุ้นชินกับวรยุทธที่หดหายไป และต้องดำรงอยู่บนความเปลี่ยนแปลงในวันแรก
อย่างไรก็ตาม...
แม้ร้านป้าจะเล็กลง วรยุทธอาจถดถอย
แต่สิ่งที่ป้าจะยังคงมีอยู่เหมือนเดิม คือ
ลูกค้าประจำอย่างผมและผองเพื่อนครับ
3 Comments:
ร้านอาหารที่กินกันประจำ
อยู่หลังสถาบันค่ะ
เอร็ดอร่อย
แต่อย่าได้ไปตอนเที่ยงตรงเชียวนะ
เพราะกว่าท่านจะได้ทานก็ราวๆบ่าย
เด็กนักศึกษาหนุ่มๆ มาทานเยอะมาก
เพราะร้านนี้มีโปรโมชั่นเติมข้าวฟรี
เอิกก นับเป็นกลยุทธ์ที่ดีทีเดียว
แต่ได้คุ้มเสียหรือเปล่าก็ไม่รู้
เพราะเห็นที่แต่ละคนตักเติมไปแล้วเนี่ย
เกือบจะเท่าจานแรกที่กินกันเลย
อย่างว่า เด็กช่างก็กินเยอะเป็นธรรมดา
8:07 PM
อ่านแล้ว อยากใช้สำนวนลีลานิยายจีนกำลังภายในจังเลย
แต่ข้าน้อยยังด้อยวรยุทธิ์ ไม่อาจใช้สำนวนภาษาในการพูดประดุจเด็ดดอกท้อด้วยปลายดาบได้ จึงขอพูดเป็นภาษาคนธรรมดาไปก่อน
นับว่าเสียดายรสมือเหมือนกันครับ เท่าที่อ่านดู เชื่อว่าป้าทำกับข้าวอร่อยจริง ผมเองก็บ่อยไป ที่ติดกับข้าวจากร้านบางร้าน
แต่ถึงแม้ว่าผมจะชอบกับข้าวตามสั่งมากเพียงไร
ในตอนเที่ยง ผมก็จะหลีกเลี่ยงที่จะสั่ง แล้วไปกินข้าวราดแกงแทนครับ
ขืนรอ คงได้เอาข้าวผัดต้มยำ ผัดฮ่องกง ผัดไก่ ผัดหมู ผัดทะเล ก่วยเตี๋ยวเซี่งไฮ้ขี้เมา ฯลฯ (ยิ่งพูดยิ่งหิว แฮ่มๆ) เข้าไปกินในห้องเรียนเป็นแน่แท้ เหอๆ
12:31 AM
แล้วป้าก็กลับมาละ
กาเร่ต์ก็กลับมาด้วย หลังจากไปวุ่นวายกะการย้ายบ้าน และหงุดหงิดกะการรอเค้าเดินสายโทรศัพท์
เก็บกด กดดันมาก ไม่สามารถพูด (พิมพ์?) ภาษาไทยได้เนี่ย
น่าสงสารป้าจัง วรยุทธถูกลงลงไป
เหมือนคนชงกาแฟรถเข็นแถวๆสามย่านตะก่อนเลย แกมีวิธีการ "คน" ที่เจ๋งมาก เป็นจังหวะจะโคน และของเหลวรวมกันเป็นเนื้อเดียวกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่เค้าก็ต้อง "เปี้ยนไป๊" เพราะการเกินขึ้นของ โครงการ ยูซิตี้ หรือชื่ออะไรทำนองนั้น โดนมีคอนเซปท์จะให้จุฬาฯ เป็นแคมปัสแบบเมืองนอก เลยเปิดหอพักและมีร้านตกแต่งสวยๆมาแทนรถเข็น และตลาดสามย่าน
กลิ่นไอความเป็นสามย่านจึงหายไป
ยังดีว่า ไม่โหดร้ายขนาดทุบห้องแถวเล็กๆ ร้านจีฉ่อย ร้านก๋วยเตี๋ยวรู (เพราะอยู่ในรู) กับร้านข้าวมันไก่รถไฟ (เพราะเก้าอี้เหมือนรถไฟชั้นสาม) ร้านเจ๊แดง และร้านแสนอร่อยอื่นๆ ออกไป
กลิ่นไอเมืองมัน...เข้ามาทุกทีเนอะ
เศ้ราจัง
12:14 AM
Post a Comment
<< Home