เก็บตกบรรยากาศงาน Meet the Bloggers ครั้งแรก
รู้สึกว่าจะมีเสียงเพรียกหามากมายเหลือเกิน สำหรับบรรยากาศในงาน meet the bloggers เมื่อวันจันทร์ที่ 22 สิงหาที่ผ่านมา คาดว่าหากผมไม่เอารูปและเรื่องลงบล็อกภายในวันนี้ คงจะมีการแบนไม่เข้าบล็อกผมเป็นการประท้วงกันบ้างล่ะ หรืออาจจะมีการอุ้มฆ่ากันเลยทีเดียว โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ไปร่วมงาน
จะว่าไปงานนี้ก็คงมีจุดเริ่มต้นจากการก่อกำเนิดชุมชนบล็อกเกอร์ ที่มหัศจรรย์ เหมือนนัดบอดอย่างไรอย่างนั้น ทั้งๆที่เมื่อสักสี่เดือนก่อน weblog คืออะไร เด็กน้อยอย่างผมยังไม่ใคร่จะรู้ ลำพังการท่องโลกอินเตอร์เนต เช็คอีเมล และแวะเวียนแว่บผ่านกระดานสนทนาหลากหลายยี่ห้อ ก็น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับไก่อ่อนอย่างผม
กระทั่งนายนิติรัฐ ได้แนะนำ ขู่เข็ญ ลากจูง ผลักดัน เสือกไส อ้อนวอน ล่อลวง ด้วยวิธีการต่างๆนาๆ เพื่อให้ผมเปิดบล็อกของผมบ้าง หลังจากที่มันเปิดไม่กี่เพลา วิธีการ แนะนำ ฯลฯ ข้างต้นของมัน ง่ายมากครับ
แค่มันส่งลิงค์ของปิ่น ปรเมศวร์ มาให้ผมอ่าน แค่เพียงครั้งเดียว
จากนั้นผมก็ติดงอมแงม เหมือนไอ้ปี๊ด ได้สูดกลิ่นฉุนๆจากกระป๋องทินเนอร์
ใช้เวลาเสพไม่นาน ผมก็ตัดสินใจแน่วแน่ กระทำการเปิดบล็อกเป็นของตัวเอง อย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนไป…
ผมได้เพิ่มกิจกรรมทำลายวิทยานิพนธ์ และงานประจำ เข้าไปในตารางชีวิตประจำวันของผมเรียบร้อย ในทุกๆวัน ผมเหมือนเป็นคนโรคจิต มือไม้สั่นทุกครั้งที่ไม่ได้เข้าอินเตอร์เนตเพื่ออ่านความเป็นไปใหม่ๆของเหล่าบล็อกเกอร์ประจำชุมชน อ่านไปอ่านมา จากวันสู่เดือน จากเดือนสู่…หลายเดือน
ไม่คาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่ง ในสามเดือนกว่าๆต่อมา ผมจะได้มีโอกาสนั่งร่วมโต๊ะสังสรรค์กับบรรดาบล็อกเกอร์ที่ผมเฝ้าเอาหน้าอูมๆ อ่านงานเขียนของพวกเขาผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์วันแล้ววันเล่า
เมื่อจดหมายไฟฟ้าเนื้อหาท้าทาย เอ๊ย เชิญชวนร่วมงานพบปะสังสรรค์จากปิ่น ปรเมศวร์ มาถึงกล่องจดหมายสี่เหลี่ยมของผมอย่างเป็นทางการ ผมก็มีอาการตื่นเต้นเล็กน้อย ถึงปานกลาง ที่จะได้เจอหน้าค่าตาบล็อกเกอร์ขวัญใจของผมหลายคน แม้ว่าก่อนหน้านี้ผมจะมีโอกาสได้เจอตัวเป็นๆของบล็อกเกอร์ประจำโคกปิ่น มาบ้างประปรายเช่น ตัวคุณปิ่นเอง กระต่ายน้อยผู้เป็นตำนานบทใหม่ของคณะเศรษฐศาสตร์ (ในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัยที่หน้าตาดีที่สุด แหม เสียดาย ผมไม่ได้เป็นอาจารย์ มิฉะนั้นกระต่ายน้อยอาจจะมีน้ำตาเช็ดหัวไหล่) อาจารย์ corgiman ที่ไม่ได้ไปร่วมงาน เพราะติดภารกิจของครอบครัว ยอดมนุษย์หญิง ที่อุตสาห์ก้มหัวลงมาจากชั้นบนของเฮมลอคเพื่อชะโงกมาเล็งพิกัดที่ผมและนิติรัฐนั่งละเลียดอาหารเย็นอยู่ชั้นล่าง
ได้อ่านจดหมายไฟฟ้าฉบับนั้นแล้ว ก็เริ่มนับถอยหลัง…
จากหน่วยสัปดาห์ เป็นหน่วยวัน กระทั่งถึงชั่วโมงและนาที
จันทร์ที่ 22 สิงหา ก็มาถึง
วันนั้นผมติดภารกิจที่จะต้องไปร่วมงานสัมมนาของกระทรวงยุติธรรมที่อิมแพคคอนเวนชั่น เมืองทองธานีโน่น งานสัมมนาเลิกตอนสี่โมงเย็น ผมและยานพาหนะของผมก็มุ่งหน้าจากอิมแพคสู่เซ็นทรัลลาดพร้าวเพื่อมาเกยรับบล็อกเกอร์สาว (?) หน้าใหม่ sweetnefertari ไปร่วมงานพร้อมกัน เพราะเจ้าตัวพูดอย่างอ้อมค้อมว่า “เอ็งไม่มารับข้าไม่ไป น้ำมันมันแพง (โว๊ย)” สงสัยว่ารถผมมันจะรับประทานน้ำมันหมูล่ะมั๊งครับ
ออกจากเซ็นทรัลราวหกโมงนิดๆ มุ่งหน้าสู่ถนนพระอาทิตย์ สถานที่นัดพบ
ผมและผู้โดยสารมาถึงก่อนเวลานัดเล็กน้อย ด้วยเวลา หนึ่งทุ่มกับอีกสิบนาที เพื่อไม่ให้เป็นการไปนั่งตบยุงรอ ผมเลยไปอุ่นเครื่องกับ พี่โต greenmercy ศิษย์รุ่นพี่ที่คณะของผม แต่เป็นรุ่นน้องของผมในโลกบล็อกเกอร์ (ฮา) ที่ร้านถัดจากสถานที่นัดพบไม่เกินสิบก้าวย่าง เมื่อได้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์แล้ว เราก็ย้ายก้นของเราไปนั่งรอ ณ โต๊ะที่จองไว้ บริเวณชั้นสองของร้านเฮมลอค (ระหว่างทางเราสังเกตเห็นหนุ่มรายหนึ่งหน้าตาและทรงผม(?) ละม้ายคล้ายคุณคุ่น ปราบดา หยุ่น นั่งอยู่บริเวณโต๊ะหน้าร้าน ซึ่งทราบจากบริกรประจำร้านว่า หนุ่มรายนั้นก็เป็นบล็อกเกอร์มานั่งรอเวลานัดเหมือนเราเช่นกัน แต่ด้วยความประหม่าเลยยังไม่กล้าไปทัก มาทราบทีตอนพี่แกเดินขึ้นมาสมทบชั้นบนว่า นี่คือ B.F.Pinkerton หรือพี่ก้อ ของเรานี่เอง)
เรานั่งรอกันสามคนอยู่ ณ ชั้นบน ไม่นานนัก บรรยากาศก็เริ่มคึกคักขึ้น เนื่องจากการปรากฏตัวของกลุ่มบล็อกเกอร์กลุ่มใหญ่ นำทีมโดย ปิ่น ปรเมศวร์ พี่แป๊ด หรือ grappa พี่หญิงหรือยอดมนุษย์หญิง พี่ก้อ หรือปราบดา เอ๊ย B.F. คุณเคน หรือ dawdle man รวมไปถึง david ginola คนที่ยังไม่จบปริญญาตรีแต่เขียนหนังสือได้เหมือนนักศึกษาปริญญาเอกนั่นแหล่ะ และกระต่ายน้อย ที่เกือบจะได้เป็นเพียงแค่อาจารย์มหาวิทยาลัยที่หน้าตาดีที่สุด หากผมได้มีวาสนาย่างเท้าเข้ามาสอนในมหาวิทยาลัยกับเค้าบ้าง (วะฮ่า…ต่อมไม่เจียมทำงานครับ พร้อมกับการแทรกแซงของฮอร์โมนที่ผลิตจากต่อมอิจฉา…โว๊ยยยย)
แม้จะมีรอยยิ้มทักทายกันตามประเพณี แต่ก็เหมือนมีอารมณ์เขินมากั้นกลาง ทำให้บรรยากาศตอนแรกยังคงนิ่งๆเกร็งๆกันอยู่ แต่ใช้เวลาไม่นาน กำแพงเหล่านั้นก็ได้ทะลายลงไป ความเป็นกันเองก็ล้นทะลักออกมา พร้อมๆกับการกล้าที่จะตักอาหารตรงหน้าใส่ปากกันได้โดยไม่ต้องมีจริตจกร้าน ให้มันมากมายนัก
สำหรับผม ยิ่งพูดยิ่งคุย ยิ่งเหมือนนั่งอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ตอนนี้ มันเปลี่ยนอารมณ์จากตัวหนังสือ เป็นคำพูดจา ไม่นานนัก สมาชิกอีกหลายรายก็เริ่มทยอยมา
เริ่มจาก tanusz หรือน้องโตศิษย์ร่วมคณะของผม บล็อกเกอร์หน้า (ยังไม่หายเหม็นกลิ่น) ใหม่ ผู้ไม่ลืมโฆษณาบล็อกของตัวเองทุกๆครั้งที่มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนบล็อกของชาวบ้าน
ตามติดมาด้วยคุณนุ่นหรือ KoPok บล็อกเกอร์สาวขวัญใจชุมชน ที่ดิ่งมาจากที่ทำงานละแวกพัฒนาการ (ไกลโคตรครับท่านผู้ชม) บล็อกที่ผมไม่เคยนับว่าวันๆหนึ่งผมแวะเวียนเข้าไปกี่ครั้ง แต่มักจะมีคนเดือดร้อนมาเช็คการเข้าออกบล็อกของคุณนุ่นแทนผมเป็นประจำ พร้อมกับตะโกนเรียกชื่อผม ทำนองกลัวว่าผมจะลืมชื่อตัวเองซะงั้น
เรานั่งรับประทานอาหารกันไป พร้อมกับการพูดคุยที่ออกรสชาติมากขึ้นๆ ผ่านกาลเวลา
และแล้วบุรุษในตำนานผู้หนึ่งก็เดินทางมาถึง
นิติรัฐ หรือ etat de droit เพื่อนบังเกิดเกล้าของผม ก็พาร่างอวบอั๋นด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลล์ ผ่านช่องแคบๆที่กั้นระหว่างบันไดกับบริเวณชั้นสองของร้าน เข้ามาทักทายกับชาวสมาคม
การมาของนิติรัฐเหมือนทำให้ต่อมร่ำสุราของบล็อกเกอร์หลายคนทำงานขึ้น หลังจากงัวเงียมาพักใหญ่ โดยเฉพาะ “พี่แป๊ด” ที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านแอลกอฮอลล์ในหลากหลายชื่อเรียก ไม่ว่าจะเป็นไวน์ คอนยัค วิสกี้ เบียร์ ยันไปถึงเหล้าขาว 45 ดีกรี ดูดวงตาของพี่แป๊ดเป็นประกายมาก ยามพูดคุยเรื่องไวน์กับเพื่อนของผม พร้อมกับในมือถือแก้วคอนยัค (นี่ก็อภินันทนาการจากนิติรัฐล่ะครับ) พร้อมกับเสนอให้เพื่อนผมคนนี้เขียนหนังสือเกี่ยวกับไวน์ ขายซะเลย นี่คณะส่งมึงไปเรียนอะไรกันแน่วะ
แต่ไวน์หลากหลายยี่ห้อที่ออกจากปากของนิติรัฐ ก็มิอาจเทียบเทียม “ชาโตว์ เดอ ชาละวัน” ที่พี่ยอดมนุษย์หญิงหนีบมาฝากแบบไม่อั้นนนนนนนนน พร้อมกับสัญญิงสัญญาว่า หากไปถึงที่น้องเอาสิบล้อไปขนได้เลย เท่าไหร่เท่ากัน (ถ้าน้องสามารถขับรถลอดพ้นจากบริเวณไร่ของพี่ได้…ล้อเล่นนะจ๊ะพี่หญิง)
ไวน์ขวดแล้วขวดเล่า คอนยัคแก้วแล้วแก้วเล่า เช่นเดียวกับ อาหารแสนอร่อยจานแล้วจานเล่า เดินผ่านพวกเราไปพร้อมกับเวลาที่แสดงออกโดยเข็มนาฬิกาบนข้อมือของผม
คิดว่าค่ำคืนนี้จะไม่มีวาสนาได้เห็นหน้าของ “อาทิตย์” หรือ เจ้าของบล็อกนาม Tihtar ที่มาจากการเล่นสลับซ่อนเงื่อนจากชื่อจริงของตัวเอง แต่แล้วสวรรค์ก็เป็นใจ นำเอาหนุ่มอาทิตย์ เดินทางแบบธรรมดาเข้ามาสู่บรรยากาศอันชื่นมื่นในการชุมนุมบล็อกเกอร์เฟสแรกของพวกเรา
มาพร้อมมาดเซอๆและอาการหิวเล็กน้อย แม้เจ้าตัวจะบอกว่า “ผมทานมาแล้วครับ” แต่สายตา มือ และปากของเค้ากับหยิบ แทะ และเล็มอาหารที่ (เหลือ?) อยู่บนโต๊ะ อย่างไม่หยุดหย่อน (ฮา) ให้สั่งใหม่ก็ไม่เอา
ไม่นานนัก บล็อกเกอร์หลายท่านก็ขอตัวกลับไปก่อน เนื่องจากได้เวลาอันสมควรแล้ว และคงมีภารกิจที่ต้องสะสางในวันรุ่งขึ้น พร้อมๆกับจำนวนที่ลดลงเรื่อยๆของแขกเหรื่อในร้านเฮมลอคด้วย
ไม่นานนักเราก็พบว่า เราเหลืออยู่เป็นโต๊ะสุดท้าย พร้อมกับเข็มนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน ในจำนวนที่เหลืออยู่ ได้แก่ คุณปิ่น , นุ่น KoPok , พี่โต greenmercy , น้องโต tanusz , น้องต่ายน้อย , อาทิตย์ , นิติรัฐ , sweetnerfertari , พี่แป๊ด grappa , ผม และพี่โญ บก. (re) open ผู้ตามมาสมทบรายล่าสุด พร้อมกับการสร้างเสียงหัวเราะด้วยลีลากันเองของพี่แก (โทษทีพี่ พี่เล่นมาตอนกล้องผมแบตหมดแล้วอ่ะ ไม่มีรูปพี่เลย ไว้คราวหน้าพี่ไม่พลาด ผมจะซื้อแบตอีกก้อนสำรองถ่ายพี่คนเดียวเลย) ก็ตัดสินใจย้ายลงมานั่งสนทนากันต่อ ณ ชั้นล่าง เพื่อให้น้องๆบริกรเก็บกวาดชั้นบน เพราะมันเลยเวลาปิด (แบบปกติ) ของร้านมาพอสมควรแล้ว
วงสนทนาเริ่มแคบลง แต่เข้มข้นมากขึ้น โต๊ะเล็กๆสองตัวต่อกัน แต่ก่อเกิดวงสนทนาเป็นอย่างน้อยสองวง บางครั้งก็มีการข้ามวง ผสมวง ทะแยงวง ทะลุวง บางครั้งเราก็พร้อมใจกันหยุดเพื่อฟังเสียงเปียโนผ่านปลายนิ้วของฝรั่งตาน้ำข้าวชาวฝรั่งเศสที่แม้นิติรัฐเพื่อนผมจากส่งภาษาฝรั่งเศสทักทาย แต่พี่แกทำเงียบ มารู้ทีหลังว่า พี่แกชอบสันโดษ ไม่ชอบพูดคุยกับใคร ทำให้ greenmercy หล่นคำถามเล่นๆ (แต่สงสัยจริงๆ) ว่าแล้วพี่จะมานั่งปล่อยอารมณ์ตามร้าน ทำติ๊ก เจษฎาภรณ์ อะไรวะ นั่งอยู่บ้านก็ด้ายยยยยยยยยยย
ไม่นานพี่โญ กับคุณปิ่นหัวโจกก็ขอตัว กลับก่อน พวกที่เหลือยังคงนั่งพูดคุยกันอย่างไม่ลดละ พร้อมกับพยายามหลบตาพี่ๆเจ้าของร้าน เพราะเกรงจะเจอค้อนห่อคำถามว่า “เมื่อไหร่พวกเอ็งจะไปฟะ” (ไม่หรอกครับ พี่ๆเจ้าของร้านใจดีมาก พวกผมแทบจะเอาเสื่อมาปูนอนในร้านกันแล้ว ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้มีงาน)
เมื่อความง่วงเริ่มปกคลุม และเข็มสั้นเดินมาชนเลขสองแล้ว เป็นสัญญาณเตือนว่า เวลาแห่งความสุขในวันนี้ของพวกเราคงต้องหมดลงแล้ว
ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีเลิกรา ไม่มีผับบาร์ใดที่ไม่มีวันปิด
บล็อกเกอร์ทั้งหลายก็เหมือนนกออกจากรังเฮมลอค หลังจากการร่ำลากันพอหอมปากหอมคอ พวกเราก็แยกย้ายเพื่อมุ่งหน้าสู่นิวาสถานของตนเอง เว้นแต่สามบล็อกเกอร์หนุ่มนักกฎหมายมหาชนจากรั้วเหลืองแดง ที่ตัดสินใจไปนั่งโต้รุ่งต่อที่ buddy bar ถนนข้าวสาร เพราะเพิ่งตระหนักได้ว่า “นี่เพิ่งเครื่องร้อนนี่หว่า”
ด้วยเป็นเวลายามวิกาล ที่พวกวิตถารเริ่มออกหาเหยื่อ ผมจึงอาสาไปส่งผู้โดยสารสองหน่วย ได้แก่ KopoK และ sweetnefertari ที่พักอาศัย อยู่บริเวณ รามคำแหง และเกษตรนวมินทร์ ตามลำดับ
เราผ่านสนามหลวง พร้อมๆกับการสังเกตการณ์การดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตที่กระจัดกระจายอยู่เป็นหย่อมๆริมสนามหลวง ด้วยความตื่นตาตื่นใจ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ยุคนี้สิ่งมีชีวิตหากินในเวลากลางคืนเหล่านี้ มีอายุการทำงานที่รวดเร็วขึ้น หลายคนน่าจะมีอายุเลยวัยทำบัตรประชาชนมาไม่นานนัก และสิ่งที่เราพบเห็นนั้นก็ไม่น่าจะแตกต่างจากหน้าบริเวณ โรงแรมสยามที่เราแล่นผ่านในเวลาอีกไม่นาน หรือนี่จะเป็นดีเอ็นเอทางวัฒนธรรม
หลังจากตระเวนส่งสองสาวถึงที่พักโดยปลอดภัยแล้ว ผมก็มุ่งหน้าสู่เตียงนอนนุ่มๆของผมเอง
เป็นเวลาเกือบๆตีสี่ เมื่อหัวกระแทกหมอน
หลับเป็นตาย
แต่ฝันดี
ได้เวลาเยี่ยมยลใบหน้า และทำนายโหงวเฮ้ง เหล่าบล็อกเกอร์ที่มาร่วมงานกันแล้วครับ หลายท่านเรียกร้องให้ผมพยายามทำภาพมืดๆบ้าง คาดแถบดำที่บริเวณดวงตาบ้าง หรือไม่ก็พยายามหารูปรวมที่เล็กที่สุด ทำนองจะกลบเกลื่อนใบหน้าและอายุของตัวเอง ฮ่าๆ อำนาจอยู่ในมือผมโดยไร้การถ่วงดุลและตรวจสอบแล้วครับ เตรียมตัวเตรียมใจกันเถิดครับ
เชิญทัศนา
มุมกล้องโชว์เมนูอาหารแสนอร่อยครับ...ซับน้ำลายกันหน่อยครับ ใครอยากมีบุญชิวหาอย่างพวกผม เชิญที่เฮมลอคครับ (โฆษณาฟรีครับพี่) พร้อมกับขวดคอนยัคใบเขื่อง และชาโตว์ เดอ ชาละวันปูพรมอยู่เต็มโต๊ะ
จากขวาไปซ้ายเลยครับ ยอดมนุษย์หญิง พาหน้าตาอ่อนเยาว์เหลือเชื่อมาให้พวกเราชื่นชมกัน ขนาด tanusz รุ่นน้องผมมันยังบ่นว่า “พี่แกหน้าตาเด็กกว่าผมอีกว่ะ” (กูว่าอาจจะเพราะอิทธิพลหน้าแก่ของมึงด้วยมั๊งน้องโตครับ)ถัดจากยอดมนุษย์หญิง คือ ปราบดา 555 พี่ก้อ B.F. ครับ ตอนแรกผมแซวๆแกว่าละม้ายคล้ายปราบดา แต่ผมคิดดูอีกที ผมว่าพี่เหมือนขุนอินทร์ว่ะ นี่เคราหนากว่านี้นิด ถือไม้ตีระนาดมานี่ใช่เลย
คนถัดไปนั่งใส่แว่นทำหน้าเด็กอยู่ คือ คุณเคน dawdle man นี่ก็หน้าตาขาว ตี๋ ดูดีพิมพ์นิยม อีกหน่อ เห็นแล้วต่อมอิจฉาชักกำเริบอีกแล้วครับ
สาวใหญ่นั่งข้างน้องเคน ไม่ใช่ใครที่ไหน พี่แป๊ดครับ grappa นั่งสนทนากับบล็อกเกอร์ท่านอื่นอย่างออกรส นี่ขนาดว่า ณ เวลาที่ชักภาพ นิติรัฐตัวดียังไม่โผล่พุงมานะครับ
ถัดจากพี่แป๊ด ก็คือ คุณนุ่น KoPok หนุ่มๆทั้งหลายอย่าเพิ่งต่อว่าผมครับ ผมยังมีภาพเธออีกหลายภาพ สุดท้ายเกือบหลุดกรอบนั่น sweetnefertari น่ะเอง ไอ้ที่มันหลุดกรอบน่ะ ผมตั้งใจครับผมตั้งใจ
ทำหน้าเด็กใส่กล้องซ้ายสุดนี่คือ คุณ david ginola ผู้มาพร้อมกับ echo นิตยาสารทำ (เองกะ) มือ ของบรรดานักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ ติดไม้ติดมือมาแจกให้กับชุมชน อย่างน่าเอ็นดู ผมลองพลิกๆเปิดดูเนื้อหาข้างในแล้ว พลางอุทานว่า สมัยตอนกูเรียนอยู่กูทำอะไรวะเนี่ย ในขณะที่คนรุ่นใหม่จากคณะเศรษฐศาสตร์ทำนิตยสารอาหารสมอง พวกผมยังควบไล่ลูกกลมๆ ปุเลงๆ อยู่เช้าค่ำ
คนถัดไป คือหัวโจกประจำตำบล ปิ่น ปรเมศวร์ ผู้นี้นี่เองงงงงงงงง สาบานได้ครับ อาจารย์แกอายุ 27 จริงๆ คุณปิ่นมาพร้อมกับสหายรักคนนั่งข้างๆ ที่ไม่ได้เป็นบล็อกเกอร์กะเค้า แม้จะขุดหลุมพลางหลอกล่อเท่าใด แต่ผมเชื่อว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป พี่แกคงทนความเย้ายวนของชุมชนนี้ไม่ไหวต้องไสช้าง มาร่วมวงกันแน่ๆ
ในที่สุดก็มาถึงเค้าคนนี้แล้วครับ “กระต่ายน้อย” นั่งทำหน้าพิมพ์นิยมของสาวๆ อยู่นั่นแหล่ะครับ พอบล็อกเกอร์หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่หลายคนเห็นหน้ากระต่ายน้อย ต่างก็แย่งกันเอาชื่อของตนประเคนใส่หนุ่มหน้ามลคนนี้กันอย่างไม่ได้นัดหมาย ไม่เว้นแม้แต่ปิ่น ปรเมศวร์ ขณะที่ก้าวเท้าเข้ามาสู่บริเวณโต๊ะนัดพบ ยังไม่ทันจะหย่อนก้นลงนั่ง พี่แกรีบผายมือแนะนำไอ้หนุ่มหน้าพิมพ์นิยมเลย “อ๋อ คนนี้ครับปิ่น ปรเมศวร์” แย่งซีนตัดหน้าผมที่กำลังจะเล่นมุขนี้อย่างเฉียดฉิว
ถัดจากหนุ่มหล่อแล้ว มาถึงหนุ่มหล่อ (?) อีกคน ที่พยายามเก๊กนั่งอ่าน echo อยู่ เขาคือ tanusz บล็อกเกอร์หน้าใหม่ซิงๆ (?) แห่งตำบลปิ่น ปรเมศวร์ และเค้าคนนี้แหล่ะครับ พี่บ่นพึมพำถึงความอ่อนเยาว์บนใบหน้า เมื่อได้เห็นหน้าของยอดมนุษย์หญิง
เกือบหลุดเฟรมนั่งเอามืออุ้มคางอูมๆ อยู่ เค้าคือ “นิติรัฐ” ไม่ต้องน้อยใจครับ ผมมีรูปชัดๆกว่านี้ เลื่อนลงไปดูเรื่อยๆครับ แม้มันจะมาช้า แต่มันสามารถส่งแอลกอฮอลล์เข้าสู่ร่างกายได้รวดเร็ว หนักหน่วง และรุนแรง แซงหน้าบล็อกเกอร์ที่นั่งร่ำกันมาก่อนหน้ามันเป็นชั่วโมงๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ (555 แก้ตัวเอาเองมรึง)
บรรยากาศบนโต๊ะอหารครับ อันนี้คาดว่าน่าจะเป็นช่วงสงครามสงบแล้วมั๊งครับ สังเกตจากปริมาณอาหารที่ร่อยหรอในภาชนะทั้งหลายที่เกลื่อนกลาดอยู่ตรงหน้า
โฉมหน้าของปิ่น ปรเมศวร์ ครับ ...เชื่อกันหรือครับ แหะๆ สนองให้พี่แกหน่อย แกอยากเป็นกระต่ายน้อยนานแล้วน่ะครับ ... คนนี้แหละครับ กระต่ายน้อย ตัวจริงเสียงจริง เห็นหน้าค่าตากันชัดๆ เชื่อว่าหลังจากภาพนี้เผยแพร่แล้ว บล็อกของกระต่ายน้อยคงหัวกะไดไม่แห้งจากบรรดาสาวๆแม่ยกทั้งหลายล่ะครับ
ผมกับสองสาวประจำตำบล sweetnefertari และ KoPoK ตามลำดับ
สามบล็อกเกอร์หนุ่มก๊วนกฎหมายมหาชน ประจำตำบล จากซ้ายสุด tanusz หรือ น้องโต ไล่เรียงมาคือ etat de droit หรือ นิติรัฐ และปิดท้ายด้วย greenmercy หรือพี่โตของผมเอง มีคนนิยามให้พี่แกว่า "หน้าตาขั้นนักเลง แต่จิตใจขั้นนักธรรม (ทำ?)"
แยกออกมั๊ยครับ ใคร ratio scripta ใคร กระต่ายน้อย??
โฉมหน้าของนายอาทิตย์ บล็อกเกอร์หนุ่มผู้พาร่างสูงใหญ่ มาดเซอ มาเป็นรายสุดท้ายของค่ำคืนนั้น
จากวันนี้ไป ผมเชื่อว่า เราจะมีโอกาสมานั่งพูดคุยพบปะสังสรรค์กันอีก พร้อมๆกับสมาชิกประจำตำบลอีกหลายท่านที่ไม่สามารถมาร่วมงานได้ในวันนั้น ถือว่างานครั้งนี้เป็นงานเบิกร่อง เพื่อนำไปสู่การพบปะในครั้งต่อไป คนสำคัญอย่าง พี่ปริเยศ พี่พล พี่กล้า บุญชิต และอีกหลายท่านไม่ได้มาวันนี้ไม่เป็นไรครับ เก็บเกี่ยวบรรยากาศผ่านรูปและเรื่องในบล็อกวันนี้ไปก่อน วันหน้าคงมีโอกาสได้เจอกันครับ
6 Comments:
สนุกดีครับงาน meet the blogers หวังว่าจะจัดอีกบ่อยๆ ครับ ;)
8:35 PM
แม้ อย่างกับซ้อเจ็ดแน่ะ อย่างนี้ต้องยกให้เป็นผู้สื่อข่าวประจำของชมรม Meet the blogger
2:40 AM
Oh! I would like to join this party jing jing. If I were there, I would not have been unable to remember you, and some one I knew! You guys look different from what I know.
7:48 AM
^^
มาอ่านแล้วค่า
ไม่มีรางวัลอะไรจะให้อ่ะ
เอาเป็นว่า
เดี๋ยวอัพบล๊อก เรื่องร้านบุฟเฟ่ท์สุกี้ฮ่องกงหยินหยาง
ให้อ่านเล่นละกันนะ
ทีนี้ก็ตาพี่มิ้มล่ะ
หุหุ
6:27 PM
ฮริ้ว!!!! มีรอบ 2 อย่าลืมจุดธูปเรียกนุ่นอีกนะคะ
เดี๋ยวอาทิตย์นี้จะอัพ เอารูปแปะให้ยลกันเพิ่ม แต่ว่ารูปนุ่นไม่ค่อยเยอะนะคะ เอากล้องไปแต่แบตหมด - -' เพื่ออะไรเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ
2:24 AM
อยากmeetingทุกวันเลย
9:09 AM
Post a Comment
<< Home