Saturday, May 13, 2006

จากหอใหญ่ท่าพระจันทร์ สู่มิลเลเนี่ยม คาร์ดิฟ



แท้จริงแล้วผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะชอบฟังเพลงอยู่เหมือนกัน แต่การฟังเพลงของผมก็คงจะเหมือนกับที่ผมอ่านหนังสือ นั่นคือ ผมเป็นพวกที่ไม่ค่อยมีแนวในการเสพย์สิ่งเหล่านี้เท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าไม่สามารถจัดได้เป็น “แฟนพันธุ์แท้” อะไรกับเค้าได้ หรือจัดว่าเป็นพวก “ขาจร” มากกว่า “ขาประจำ”

ฉะนั้นแล้ว ไม่น่าแปลกใจที่ในชีวิตผมจึงไม่ค่อยเสียเงินไปกับการดูคอนเสิร์ต หรือบรรดาการแสดงดนตรีสดบ่อยครั้งนัก แม้ว่าจะเป็นการแสดงของศิลปินที่ผมชื่นชอบขนาดไหนก็ตาม

ไม่ทราบเหมือนกันว่าที่เป็นแบบนี้เพราะนิสัยโหมดใดของผมกันแน่ ระหว่างความขลาดในการริเริ่มเดินทางใหม่ๆ หรือลองทำอะไรใหม่ๆ กับความไม่สม่ำเสมอ (กรณีนี้คือการ “ไร้” แนวทางในการเสพย์สิ่งบรรเทิงเริงรมย์เหล่านี้) ผมว่ามันน่าจะปนๆกันไปแหล่ะ

แต่พักหลังผมได้เริ่มที่จะก้าวย่างเข้าไปมีส่วนร่วมในการรับฟังดนตรีแบบ “แสดงสด” หลายครั้งเหมือนกัน

เริ่มตั้งแต่ช่วงที่ผมกำลังจะจบการศึกษา ไอ้เพื่อนประธานรุ่นของผมดันไอเดียบรรเจิดอยากจัดคอนเสิร์ตหาเงินเข้ารุ่น ซึ่งสุดท้ายแล้ว ลำพังแค่พยุงตัวไม่ให้เงินติดลบต้องควักเนื้อจ่ายกันเองก็ถือว่าบุญโขแล้ว (แต่ก็ต้องปรบมือให้มันครับ มันทำจนได้ เริ่มตั้งแต่ติดต่อศิลปิน ค่ายเทป หาสถานที่ หาฝ่ายเวที พิธีกร ฯลฯ เก่งจริงๆ แต่คราวหลังอย่าทำ ฮาๆๆ)

ครั้งนั้นถือได้ว่าเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการที่ผมเข้าไปมีส่วนร่วมในฐานะผู้ชม ในบรรยากาศแห่งการแสดงดนตรีสด จำได้ว่าศิลปินที่ขึ้นเวทีวันนั้น ขวัญใจผมทั้งนั้น เช่น คุณก้อง สหรัถ คุณโจ้ วง Pause (ซึ่งคอนเสิร์ตในวันนั้น ถือได้ว่าเป็นครั้งท้ายๆในชีวิตของโจ้ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็จากไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยการตัดสินใจทำอัตตวินิบาตตัวเอง) วิยะดา โกมารกุล และ … น้องเชอร์รี่ ชยาภา วงศ์สวัสดิ์ ด้วยครับ (ได้ข่าวว่าวันนั้นทั้งปลัดสมชาย และเจ๊แดง เยาวภา มาฟังเสียงใสมากกกกกกกก ของลูกสาวสุดเลิฟด้วยนะครับ)

ครั้งที่สองของสำหรับการชมคอนเสิร์ตของผม มาโผล่เอาช่วงเดือนกุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก ของปีนี้เองครับ ถ้าผมจำไม่ผิด พี่ๆน้องๆที่ทำงานชักชวนผมไปชมคอนเสิร์ตกึ่งการกุศล หัวเรี่ยวหัวแรงรู้สึกจะเป็นคลื่นวิทยุคลื่นหนึ่งจำไม่ได้แล้วว่าคลื่นไหน มีศิลปินหลายต่อหลายคนขึ้นเวทีวันนั้น ไม่ว่าจะเป็น คุณสุริยะใส คุณพิภพ คุณสนธิ และคุณจำลอง ……..

ว้ากกก ไม่ใช่ นั่นมันเวทีใกล้ๆกันอยู่ที่สนามหลวง แต่ผมชมอยู่ในหอใหญ่ธรรมศาสตร์ เสียงมันปนๆกัน ความจำเลยสับสนไปหน่อย

เอาใหม่ รู้สึกจะมี คุณเบน ชลาธิศ คุณบุรินทร์ กู๊ฟไรเดอร์ และศิลปินแนวเดียวกันอีกประมาณสี่ห้าคน รวมทั้งคุณผู้หญิง (ผมจำชื่อไม่ได้อีกแล้วดูสิ) แห่งวงเดอะพีชแบนด์ ด้วย

สนุกดีครับ รู้สึกว่าคุ้มเงินจริงๆ (ก็ไม่คุ้มได้ไง ค่าบัตรมัน 99 บาททุกที่นั่งอ่ะ)

จริงๆผมวางแผนกับก๊วนที่ทำงานจะไปชมคอนเสิร์ตอีกครั้งราวปลายเดือนนี้ คอนเสิร์ตของคู่หูเบิร์ดกับฮาร์ท ครับ นี่ก็ศิลปินคนโปรดของผมเหมือนกันนะเนี่ย แต่ด้วยความที่ผมยังชีพจรลงเท้าไม่สิ้นเสร็จ โดยต้องเดินทางไปหัวหินเป็นคำรบสองในรอบสองเดือนนี้ จึงทำให้ผมต้องอดชมคอนเสิร์ตครั้งที่สามไปอย่างน่าเสียดาย

แต่ใครจะรู้ครับ ว่าครั้งที่สาม (ชมคอนเสิร์ตนะครับ) ของผมมันจะมาให้แก้ตัวไวขนาดนี้ เมื่อสองวันก่อนขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่หน้าคอม อันเป็นภารกิจประจำวันของผม รุ่นน้องที่คณะคนหนึ่งก็ได้ทักทายเข้ามาพร้อมกับชวนไปดูคอนเสิร์ต ในวันนี้ (เสาร์ที่ 13 พฤษภาคม) ที่หอใหญ่ ธรรมศาสตร์เช่นเคย

เมื่อสอบถามแนวของดนตรี ก็พบความงง ฮ่าๆ เพราะจำไม่ได้เลยว่าน้องเค้าบอกว่ามันเป็นแนวไหน เอาว่าแปลกๆใหม่ๆก็แล้วกัน คุยไปคุยมาก็รู้ว่าเธอเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์ (เมื่อการแสดงเริ่มขึ้นจึงได้รู้ว่าเธอเป็นผู้ดำเนินรายการของคอนเสิร์ตครั้งนี้นี่เอง) ของงานนี้ด้วย ชักชวนกันขนาดนี้แล้ว ก็ต้องไปลองดูหน่อยว่าดีจริงดังพูดหรือเปล่า

วันนี้ผมจึงออกจากบ้านเพื่อไปชมคอนเสิร์ตที่ธรรมศาสตร์ด้วยความกล้า เพราะเป็นการไปดูคอนเสิร์ตแบบปัจจุบันทันด่วน ไปคนเดียว และไม่รู้จักศิลปินและแนวเพลงเลย (กล้าสุดๆมั๊ยล่ะ)

ไปถึงหน้างาน โทรหาผู้ชักชวน ก็รู้สึกงงๆ เมื่อผมรายงานตัวว่า “พี่อยู่หน้าหอใหญ่แล้วนะ” เธอกลับตอบว่า “เฮ้ย มาด้วยเหรอ” ฮ่าๆ เพิ่งรู้ครับ ว่าเธอชวนเล่นๆ แต่ผมดันเสือกมาจริงๆ

เมื่อเดินไปซื้อบัตรเข้าชมด้วยความเก้ๆกังๆเรียบร้อย ผมก็มานั่งทำความเข้าใจกับงานครั้งนี้ พร้อมกับแนวดนตรีตามเอกสารที่ได้จากหน้างาน ก็รู้เลาๆว่า ดนตรีแนวนี้มันเรียกว่า “ดรัม แอนด์ คอร์” ( ชื่อเต็มๆคือ ดรัม แอนด์ บิวเกอ คอร์ (Drum and Bugle Corps) จากความรู้สึกของผมมันคล้ายกับเราไปนั่งชมการแสดงของวงโยธวาทิตของโรงเรียนมัธยมน่ะครับ แต่ออกแนวคอนเสิร์ตและการแสดงบนเวทีมากหน่อย เพราะบรรดาเครื่องดนตรีก็คุ้นตากันตามวงโยฯ นั่นแหล่ะ

ความเป็นมาของวงดนตรีวงนี้น่าสนใจมากนะครับ ดนตรีแนวนี้เพิ่งเริ่มเป็นที่สนใจโดยทั่วไปในสังคมไทยในราวปี 2542 และได้มีการฟอร์มวงกันขึ้นมา ในปี 2545 โดยตั้งเป็น “สมาคมวงดนตรีเยาวชนสยามมิตร ดรัม แอนด์ บิวเกอ คอร์” อย่างเป็นทางการในราวเดือนสิงหาคม

ที่มาที่ไปของชื่อ “สยามมิตร” นี่ก็น่าสนใจนะครับ เพราะปรากฏว่ามันมาจาก “Myth of Siam” หรือ “ตำนานเรื่องเล่าของประเทศไทย” นั่นเอง

จึงไม่น่าแปลกใจครับที่แขกเหรื่อที่มาร่วมชมกับผมในค่ำคืนนี้ จะเป็นเหล่านักเรียนกระโปรงบานขาสั้น รวมทั้งบรรดาผู้ปกครองของเหล่านักดนตรีด้วย

เป็นที่น่าเสียดายที่ผมอยู่ร่วมชมคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้แค่เพียงสององก์ หรือเพียงครึ่งทางเท่านั้น เหตุเพราะผมติดนัดสำคัญตอนสามทุ่มครับ เลยต้องระเห็จออกมาก่อน แต่โดยรวมถือว่าน่าประทับใจครับ เพราะเด็กพวกนี้มีความสามารถจริงๆ และมีความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างล้นเหลือจนสัมผัสได้ ต้องใช้คำว่าทึ่งครับ โดยเฉพาะการโชว์ทักษะการรัวกลองที่เราเรียกกันว่า “กลองแต๊ก” ในตอนเริ่มต้นของโชว์ น่าทึ่งจริงๆกับลีลาของทั้งสองนักดนตรี ที่ผลัดกันเล่น รับส่ง และรุกรับกันอย่างเนียนตาเนียนหู และที่สำคัญเป็นการโชว์แบบ Funny Duet ที่เรียกเสียงฮาจากผู้ชมได้ครืนๆ

นอกจากนั้นยังเป็นจริงดังค่ำน้องท่านว่า “ความสนุกของคอนเสิร์ตครั้งนี้ ก็คือการได้ดูการประชันกันของบรรดานักดนตรีที่มีฝีไม้ลายมือใกล้เคียงกันบนเวที ในเครื่องดนตรีชนิดเดียวกัน”

ผมได้แอบกลับตอนช่วงที่โชว์พักครึ่งเมื่อจบองก์ที่สอง รีบบึ่งรถมาให้ทันนัดสำคัญ

ไม่ให้รีบได้ไงครับ นัดน้องหงส์ไว้ทั้งคน คราวแรกว่าจะไปเจอที่คาร์ดิฟเลย แต่ไกลไปเลยขอต่อไปเจอแถวๆบางปะกอกแล้วกัน เธอก็ใจดีอนุญาต

ขอนำทุกท่านสู่สนามมิลเลเนียม สเตเดียม ณ กรุงคาร์ดิฟ ประเทศเวลส์ ผ่านทางจอตู้แถวๆบางปะกอกครับ

เกมส์นัดชิงชนะเลิศ ถ้วยเอฟเอคัฟ ประจำฤดูกาล 2005 – 2006 ระหว่างกระเด้าลมสีแดง กับ ขุนค้อนจอมทุบ

ก่อนเริ่มเกมส์ยอมรับตรงๆว่าผมหวั่นๆ หวั่นใจเพราะไอ้ความเป็น “บอลต่อ” นี่แหล่ะครับ ใครก็รู้ว่าน้องหงส์ของผมใจอ่อนทุกทีเวลาเจอทีมอ่อนกว่า หรือภาษาวิชาการเรียกว่า “ติดประมาท” ก็ดูอย่างนัดที่เจอลูตัน ทาวน์รอบสามสิครับ แหมบักเจิดยิงนำทำเฉยๆ ตอนหลังโดนหมูกัด 3-1 ตาเหลือกคางเหลืองกันเลย ก่อนจะเอาตัวรอดมาได้ในสกอร์ 5 – 3

นอกจากนั้นการผ่านด่านทั้งผีแดง และหอยทะเล (Shell - sea) มาได้ ก็นับว่าน้องหงส์ผมใช้สิทธิ์เบิกดวงเกินบัญชีมาใช้อีกแล้ว เหมือนๆกับปีที่แล้วในถนนสู่ถ้วยหูยาน รวมทั้งความห้าวของเหล่าขุนค้อนที่ประกาศตัวเป็น “The New Crazy Gang” เพื่อหวังจะตามรอยวิมเบิลดันที่เคยพลิกลอคล้มลิเวอร์พูลมาได้ในกาลก่อน

ดูไปก็เซ็งกับฟอร์มการเล่นไป ตั้งเกมส์ไม่ค่อยได้ เสียบอลกันในแดนตัวเองง่ายจริงๆ ทั้งรีเซ่ เจอร์ราร์ด อลอนโซ่ ซิสเซ่ มีให้เห็นกันหมด สุดท้ายต้องมาชดใช้ด้วยการเสียประตูถึงสามประตูแบบไม่น่าเสีย (คาร์ร่าปราการหลังที่ดีที่สุดในอังฤษ? สกัดบอลเข้าประตูตัวเองด้วยท่าพิสดารกวางเหลียวหลัง, เรน่าทำฟอร์มประตูน้ำ รับลูกยิงตรงตัวของเอเธอริงตันกระฉอกเข้าทางแอชตันซ้ำกลิ้งหลุนๆหมุดเสาไป, และไอ้ลูกโยนย้อยยยยเสียบสามเหลี่ยมบนของคอนเซสกี้) แต่หงส์แดงก็ Never say die ตามมาทันที่ 3 – 3 ด้วยลูกวอลเล่ย์สุดสวยของซิสเซ่ที่วันนี้มาพร้อมสตั๊ดสองสีในครึ่งแรกและสีเขียวสะท้อนแสงในครึ่งหลัง … ใครสั่งใครสอนฟะ

และสองลูกตอปิโดของกัปตันเจิด เป็นข้อพิสูจน์อย่างแท้จริงว่ามันแปนิ่มๆไม่เป็น ด้วยการซัดซะตาข่ายกระจายในระยะสัก 12 หลาตีเสมอครั้งแรก และซัดลูกเก็บตกเกือบๆ 40 หลาในการตีเสมอครั้งที่สอง

ภาพในการชิงชนะเลิศแชมป์เปี้ยนส์ลิก แสนปาฏิหาริย์ ณ ค่ำคืนหนึ่งในอิสตันบูล ย้อนกลับมาอีกครั้ง เมื่อเกมส์ต้องมาจบที่การดวลจุดโทษบีบหัวใจตัดสิน (ไม่ให้เหมือนได้อย่างไร ก็ตอนที่เรน่าปัดลูกโหม่งกระดอนด้วยปลายมือไปชนเสา หล่นมาเข้าทางแฮร์วูดวอลเล่ย์ด้วยซ้ายเบี้ยวออกข้างไปอย่างน่าเสียวไส้นั้น มันเหมือนกับภาพที่ดูเด็คเซฟลูกโหม่งของเชว่า แบบตัวเองยังไม่รู้ตัวอย่างกับแกะ และเป็นการเซฟครั้งสุดท้ายก่อนที่จะหมดเวลาในการต่อเวลาพิเศษไม่กี่วินาทีเหมือนกัน เรียกว่าถ้าโดนลูกนั้นเข้าไปก็ปิ๊กแอนด์ฟิลด์มือเปล่าได้เลย … นอกจากนั้นภาพบรรดาผู้เล่นของทั้งสองทีม เขยกๆกันเดิน เขยกกันวิ่ง เพราะตระคริวถามหาก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมนึกถึงค่ำคืนในอิสตันบูลด้วยเหมือนกัน )

งานนี้ต้องบอกว่าหงส์แดงได้เก๋าจริงๆ โดยยิงพลาดไปคนเดียว (ซามี่ ฮูเปีย เซนเตอร์เรือเกลือ … ที่ในเกมส์เกือบทำเซอร์ไพร์ซ ด้วยการล็อคหนีผู้เล่นเวสต์แฮมสองคน ก่อนลากตัดเข้ากลางแล้วซัดด้วยขวาข้างไม่ถนัดลูกไซด์ก้อยออกข้างไปอย่างได้ลุ้น ) ที่เหลือเก็บได้หมด ไม่ว่าจะเป็นฮามันน์ที่ยิงคนแรก น้าแกชัวร์จริงๆ เจอร์ราร์ด ที่ยิงอย่างกับในวินนิ่ง และไอ้ซ้ายตีนผี ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ เหมือนเคยครับ ผมไม่กล้าดูปิดตาทุกครั้งที่หงส์แดงเป็นฝ่ายยิง

และเป็นการพิสูจน์ให้เห็นประจักษ์จริงๆว่า โฆเซ่ เรน่า นายทวารหน้าเด็กแต่ผมน้อย เลือดกระทิงคนนี้ เป็นเจ้าแห่งการเซฟจุดโทษจริงๆ ตามกิตติศัพท์และคำร่ำลือตั้งแต่สมัยค้าแข้งอยู่ในเมืองกระทิงดุ ทั้งกับบาร์เซโลน่าและบียารีล ด้วยการเซฟจุดโทษถึงสามครั้ง (บ๊อบบี้ ซาโมร่า พอล คอนเชสกี้ และแอนตอน เฟอร์ดินานด์ น้องชายถอดแบบของริโอ เฟอร์ดินานด์กองหลังพันล้านของแมนยู …เวสต์แฮมนี่ น้าหมี เท็ดดี้ เชอร์ริ่งแฮมยิงเข้าคนเดียว)




ใครว่าฟ้าไม่ผ่าลงที่เดียวกันสองหน

ตอนนี้ก็ผมขอแปลงร่างเป็นแฟนปืนชั่วคราวครับ อยากแบ่งให้ปืนใหญ่สักถ้วยในการเจอกับบาร์เซโลน่า นัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมป์เปี้ยนสลีก วันที่ 17 พฤษภาคมนี้

แหมเสียดายโบโร่ ไม่น่าดวงแตกนัดชิงยูฟ่า คัพเลย ไม่งั้นปีนี้อังกฤษอาจกวาดเรียบ เอาฤกษ์เอาชัยก่อนไปเยอรมัน

16 Comments:

Blogger ratioscripta said...

จะว่าไป ความเหมือนที่เหมือนกับฟ้าผ่าลงที่เดียวกันระหว่างนัดชิงเอฟเอคัพปีนี้ และนัดชิง UCL เมื่อปีกลาย ยังมีอีกหลายข้อแล้วแต่จะนึกออกและจับแพะมาชนแกะ

1. แฮร์รี่ คีลว์ ปีกตัวกลั่นของหงส์แดง มีอาการบาดเจ็บในช่วงครึ่งแรกจนต้องเปลี่ยนตัวออกทั้งสองนัด

2. ระหว่างเส้นทางสู่แชมป์ หงส์แดงสร้างตำนานปาฎิหาริย์มากมาย นัดเจอกับลูตันทาวน์ใน ถ้วยเอฟเอคัพ ก็เปรียบได้ดั่งการคัม แบ็คกลับมาในเกมส์ที่เจอกับโอลิมเปียกอส

3. คู่แข่งในรอบตัดเชืองของทั้งสองแมตซ์ดังกล่าว เป็นทีมเดียวกัน คือ หอยทะเล (Shell - sea) นั่นเอง และหงส์แดงก็ย้ำแค้นทั้งสองนัด (แม้ว่าการเจอกันในลีกหงส์แดงไม่เคยได้แต้มเลยก็ตาม)

มีไรอีกใครคิดออกอีกบ้างครับ

แต่ที่แน่ๆ โป๊ปไม่ตายครับคราวนี้ และชาร์ลก็ไม่แต่งงานใหม่ด้วย

12:12 PM

 
Blogger Etat de droit said...

สาวที่มาชวนไปคอนเสิร์ตนี่ใครฟะ

เดาว่าคงงามอยู่ ไม่งั้นมันคงไม่ยอมลงทุนไป

ยอมอดดูบอลไปสามนาที

7:24 PM

 
Blogger Tanusz said...

สงสารเบนายูนวิ่งเป็นม้าอยู่คนเดียว เกือบชนะอยู่แล้วแต่โดนบักเจิดยิงนรกแตก เซ็งครับ(แอบเชียร์เวสต์แฮม) แต่ก็ยินดีกับลิเวอร์พูลด้วยครับ

ปล.สงสัยปีนี้อังกฤษจะเป็นแชมป์โลก เพราะบักเจิด

8:29 PM

 
Anonymous Anonymous said...

สัญญากับต้องไว้ว่าจะมาตอบเรื่องคอนเสริต
แต่นะ..เห็นคอมเมนต์บางคอมเมนต์แล้วมันจี๊ดดดดด
นั่นคือ..คอมเมนต์ของน้องโตนั่นเอง

เหอเหอ

เนื่องด้วยเพราะเป็นคนไม่ดูบอลอังกฤษมาแต่ไหนแต่ไร เหตุผลไม่มีไร ตอนรู้จักบอลอังกฤษครั้งแรก มันให้ความรู้สึกอดนอน เพราะมันถ่ายทอดดึกๆ ด้วยความรักการนอนมากกว่าจึงไม่ดูบอล

พอมาดูบอล ก็ดันมาดูในประเทศคู่อริตลอดกาลของอังฤษ ตามประสาฝรั่งเศสที่ดี ก้ต้องเชียร์ฝรั่งเศส และ ต้องดูบอลยุโรปแบบภาคพื้น ที่อังกฤษไม่ค่อยมาโผล่ให้เห็นแต่ประการใด

ทีมที่ชอบก็ดันเป็น real madrid อีก แปลกจริงๆ

ต่อมามาพบรักกับรักบี้ เลยยิ่งไม่สนใจบอลเข้าไปใหญ่ แต่รักบี้ก็ยังเป็นทีมชาติฝรั่งเศสอีกนะ รวมทั้งรักบี้ top 14 ที่แข่งในบ้านฝรั่งเศสด้วย ไม่มีอะไรแค่พบรักกับเบอร์ 14 ใครเล่นเบอร์ 14 น่ารักทุกคน วิ๊วๆๆ คนอะไรวิ่งไวเป็นบ้า

เลยเป็นเรื่องสนุกไปอีก เวลารักบี้แข่ง ก็เป็นเวลาเหมาะในการไปฝากแกล้งพ่อพี่กล้า เพราะพ่อพี่กล้าเชียร์ทีมนิวซีแลนด์และอังกฤษขาดใจ แกล้งลูกเค้ายังไม่พอ แกล้งพ่อเค้าอีก ฮ่าๆๆ

สำหรับบอลโลกหนนี้ หนทางชนะของฝรั่งเศสแม้ดูตีบตัน แต่ก็ยังอยากเชียร์อยู่ แต่ก็เผื่อไว้ละ เชียร์บราซิลด้วยก้ได้ ทำไมเล่นเก่งกันนักไม่รู้ มันเกิดมากับลูกบอลกันรึไงวะ

คุยเรื่องบอลแล้วก็หนุกดีเหมือนกัน วันนี้เค้าจะประกาศพอดีว่าใครควรจะเล่นเป็นโกล์ ระหว่าง กูเป้ กับ บาร์เตส

แน่นอน ว่าต้องเป็น กูเป้
เหตุผลไม่มีอะไร..
นอกจากหล่ออย่างเดียว ฮ่าๆ

2:32 AM

 
Anonymous Anonymous said...

แง้ บาเตสได้ว่ะ
มันจะทำลูกหลุดบ่อยไหมวะ
เครียดๆๆ
แต่ไม่เป้นไร พี่ดานยังอยู่ วิ๊วๆๆ
สำหรับคนที่หมั่นไส้เรา เราไม่ว่าไรทั้งนั้น แต่วันหลังทำไก่ย่างเทริยากิ แล้วจะไม่เอาไปให้กินเท่านั้นเอง แบร่ๆ

2:51 AM

 
Anonymous Anonymous said...

ขอโทษที่มองหงส์ผิดไป....... ไม่น่าโทรไปทับถมเพื่อนตอนมันโดนนำ 2-0 เลย

9:57 PM

 
Anonymous Anonymous said...

เอ สงสัยว่าเวลล์นี่เขาเป็นประทศด้วยเหรอครับ

4:42 PM

 
Blogger ratioscripta said...

ขอบคุณพี่บุญชิตครับผม

ผมก็เดาๆมั่วๆ เนื่องจากเห็นว่ามันมีทีมชาติเป็นของตัวเองน่ะครับ

10:32 PM

 
Anonymous Anonymous said...

โฮ่โฮ่โฮ่

เชียร์ลิเวอร์พูลอยู่ที่ผับSilversand เสม็ด
ที่เต็มไปด้วยฝรั่ง
เพลงที่บรรเลงอย่างเร่าร้อน
และผู้คนที่เต้นกันอย่างคึกคัก

ตอนแรกถอดใจไปซะแล้ว

แต่หลังจากนั้นไม่นานก็เฮกันลั่น

อิอิ

2:50 AM

 
Anonymous Anonymous said...

จากคำตอบของคุณบุญชิต ทำให้สงสัยต่อไปว่า เวลล์มีราชาหรือราชินีเป็นของตนเองหรือครับ จึงถือเป็นราชอาณาจักร

1:18 PM

 
Blogger ratioscripta said...

แอบฟังด้วยความตื่นตาตื่นใจ

7:47 AM

 
Anonymous Anonymous said...

ถ้าไม่เป็นการรบกวนเจ้าของบล็อกเกินไปนัก เพราะจะมาตั้งในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้อง ผมขอถามคำถามต่อเรื่องราชวงศ์อังกฤษอีกนิดละกันครับ

ทำไมนางคามิลล่าถึงไม่กลายเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ แต่กลายเป็นดัชเชสออฟคอนวอล์ล่ะครับ มันดูแปลก ๆ ไหมครับที่สามีเป็นเจ้าแคว้นนึง แต่ภริยาไปครองคู่อยู่ในอีกแห่ง

10:48 PM

 
Anonymous Anonymous said...

เชิญครับๆ

ติดตามต่อด้วยความตื่นตาตื่นใจ และระทึกในหทัยพลัน

11:42 PM

 
Anonymous Anonymous said...

เมื่อไหร่จะมีmeetingกันอีกครับ ผมไม่มีบล็อคป็นของตัวเอง แต่เข้าไปอ่านของคนโน้นทีคนนี้ที แล้วติดตามเรื่อยมา ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านมุมมองของหลายๆblogger แล้วก็อยากรู้ว่าแต่ละคนหน้าตาเป็นยังไง เหมือนหรือต่างจากที่จินตนาการเอาไว้ เห็นรูปบางคนจากเก็บตกครั้งแรก แต่หลายๆคนผมยากเจอตัวเป็นๆมากครับ โดยเฉพาะ คุณปิ่นฯ และคุณมิ้ม ฯลฯ

ถ้าจะสังสรรค์กันช่วยแจ้งด้วยนะครับ หากไม่รังเกียจผมอาจจะไปขอร่วมวงด้วยคน หรือไม่ratioscriptaก็เอารูปมาลงในบล็อคให้ดูเช่นเคยนะครับ

ติดตามด้วยความชื่นชม

1:48 AM

 
Blogger ratioscripta said...

แล้วแต่ผู้ใหญ่ ป.ป. จะตีเกราะเคาะไม้เรียกครับ

6:18 AM

 
Blogger crazycloud said...

Liverpool my love

Liverpool my life

Liverpool my sweet

Liverpool my honey

Kiss u Liverpool

and I would like to say "I Luv U"

3:03 AM

 

Post a Comment

<< Home