Monday, October 10, 2005

Zoophilia


ผมขอคั่นกลิ่นอายแห่งประวัติศาสตร์กฎหมายไว้ก่อน เพราะรู้สึกว่าหยิบเรื่องนี้มาเขียนแล้วเกิดความยากลำบากเหลือเกินในการโพส และมักจะมีเหตุเภทภัย อันตรายมารบกวนบล็อกผมเสมอ ลองดูครับ เผื่อมันจะบรรเทาเบาบางลง

วันนี้มาว่ากันถึงข่าวเบาๆ แปลกๆ กันหน่อยดีกว่า

เพื่อนรักส่งลิงก์ (มิใช่ลิงค์ แน่ๆครับ ฮ่าๆ ใครใคร่รู้ความหมายของ ลิงก์ และลิงค์ ก็เชิญที่บล็อกคุณ ปิ่น ปรเมศวร์ ครับ) ข่าวนี้มาให้ครับ

พิลึกคนข่มขืนหมูสาว

หลายคนแสดงความเห็นประหลาดชวนหัว เหลือเกิน ทำนอง ไปรู้ได้ไงว่าเป็นการข่มขืนมัน ดูหน้าแม่หมูออกจะพริ้มเพราปานนั้น มันอาจสมยอมก็ได้ (โห คิดไปได้ครับท่านผู้ชม นี่มันข้อแก้ตัวหลักของบรรดาหื่นกามทั้งหลาย ยามอยู่ในห้องพิจารณาของศาล เมื่อโดนข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานี่หว่า)

นายแพทย์หลายท่านลงความเห็นว่าหมอนี่เป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง เนื่องจากได้รับข้อมูลจากเพื่อนบ้านละแวกนั้น ว่าไอ้หมอนี่ ชอบมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็น วัว ควาย หรือสุกร โอ้ แม่เจ้า

แต่ต้องทำความเข้าใจกันนิดนึงนะครับว่า ที่หมอแกว่าเป็นโรคจิตนี่ คนละเรื่อง คนละอย่างกับ คุณจิตรลดา มือมีดที่เข้าไปจ้วงแทงเด็กหญิงในโรงเรียนเซ็นต์โยฯ นะครับ รายนั้นแกเป็น “จิตเภท” หรือ Schizophrenia (อาศัยความรู้ทางนิติจิตเวชอันน้อยนิดของผม จำได้เลาๆว่า มันมาจากคำว่า “จิตใจ” และ “การแยก” นั่นก็คือ ภาวะจิตแยกนั่นเองครับ อาการพื้นฐานคือ หูแว่ว ประสาทหลอน เห็นภาพ หรือได้ยินเสียงที่ไม่มีจริง และมีอาการหวาดกลัว เหมือนพวกเมายาน่ะครับ …จริงๆผมเคยเขียนเรื่องนี้ไว้ในบล็อกตอนหนึ่งของผมที่นานมากแล้ว ยังไงใครสนใจลองจิ้มไปอ่านกัน ที่นี่ ครับ) ซึ่งอาการเช่นนี้ ถือได้ว่า เป็น “โรคจิต” หรือ “จิตบกพร่อง” ทำให้สำนึกความรู้ผิดชอบชั่วดี การตัดสินใจกระทำความผิดบกพร่อง (ในความหมายของ “ความชั่ว” ที่ผมเคยเกริ่นๆไว้ ในตอน “คุณจะเลือกทางไหน”)

ซึ่งผู้กระทำผิดในขณะที่จิตบกพร่องแบบนี้ กฎหมายยกเว้นโทษ หรือ ไม่เอาโทษครับ เพราะไร้ประโยชน์อันใด ให้ส่งไปรักษาตามกระบวนการดีกว่า แต่ถ้ายังมีความรู้ผิดชอบอยู่บ้างขณะกระทำ (ก็แบบคุณจิตรลดานั่นแหล่ะครับ) อันนี้กฎหมายไม่ได้ยกเว้นโทษเลยนะครับ เพียงแต่ให้ศาลท่านลดโทษให้แล้วแต่จะเห็นควร โดยต้องให้ไปรักษาตัวก่อนจนกว่าจะมีความสามารถเพียงพอที่จะต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมได้

สำหรับไอ้หนุ่มวิตถารนี้ อาการไม่ได้อยู่ในข่ายของการยกเว้นโทษแต่อย่างใดนะครับ ไม่ใช่ โรคจิต หรือ จิตฟั่นเฟือนตามความหมายของ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 แต่อย่างใด

พฤติกรรมแบบนี้เข้าเรียกว่า “พวกพฤติกรรมเบี่ยงเบน” เช่นเดียวกับพวก ชอบมีเพศสัมพันธ์แบบวิตถารทั่วไป พวกชอบโชว์ ชอบสะสมชุดชั้นใน

อาการชอบเสพสังวาสกับสัตว์นี้ เรียกว่า พวก Zoophilia

แต่แม้จะไม่อยู่ในข่ายที่จะยกเว้นโทษ หรือไม่ต้องรับโทษ แต่การปล่อยให้เขายังเป็นเช่นนั้นต่อไปไม่ได้ส่งผลดีอะไรต่อตัวเขาและสังคมเลยครับ ยังไงก็ต้องบำบัดรักษา แต่ที่ยังเป็นปัญหาคือ กระบวนการรักษานั้นจะทำอย่างไร หากต้องใช้ระบบสมัครใจในการเข้ารับการรักษา เพราะบ้านเรายังไม่มีกฎหมายอย่างประเทศอังกฤษ รู้สึกจะเป็น Mental Health Act ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือฝ่ายปกครอง (ถ้าจำไม่ผิด) สามารถที่จะจับกุม ควบคุมตัวผู้มีความผิดปกติทางจิต และมีพฤติการณ์เบี่ยงเบนที่อาจก่ออันตรายให้แก่สังคมและคนรอบข้าง

เพื่อเอามารักษาน่ะครับ

แต่ที่กฎหมายฉบับนี้ยังไม่มีในประเทศไทย แม้ว่าจะมีแนวคิดผลักดันให้มีก็ตาม ก็เพราะ ผมว่าบุคคลากรในกระบวนการยุติธรรมเองที่มีความรู้ขนาดสามารถใช้ดุลพินิจได้อย่างถูกต้องในการจับกุมและควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยว่ามีความผิดปกติทางจิต หรือมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนจน “น่าจะเป็นอันตรายแก่สังคมและคนรอบข้าง” นั้น น่าเป็นห่วงว่าเราจะพร้อมแค่ไหนในการสร้างองค์ความรู้ให้แก่บุคคลากรของเรา เพื่อเป็นหลักประกันมิให้เกิดการบิดเบือนการใช้อำนาจที่มีในการไปจับกุม ควบคุมตัวบุคคลใดโดยไม่สุจริต หรือ อย่างน้อยก็ประมาทล่ะ

แต่ในอนาคตอาจจะต้องหยิบมาพิจารณาอย่างจริงๆจังๆแล้วล่ะมั๊งครับ

แหม พอเห็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนเช่นนี้พาลให้นึกถึงไอ้เพื่อนรักของผมจริงๆ

แม้มันจะไม่มีพฤติกรรมชอบสัตว์อย่างหนุ่มกลัดมันในข่าว แต่ผมว่าอาการมันก็น่าห่วงว่าอาจจะเป็นพวก

“Pedophilia” ได้เหมือนกัน

พวก “ชอบเด็ก” น่ะครับ ฮ่าๆๆๆ

7 Comments:

Anonymous Anonymous said...

อืม น่าสนใจดีค่ะ แต่ก็ยากจริงๆนั่นแหละในการจะตัดสินว่าใคร 'วิตถาร' เพราะคนเรามักชอบเห็นว่าตัวเองปกติที่สุด และเห็นคนอื่น(ที่แปลกออกไป)วิตถารอยู่เสมอๆ ถ้าไม่มีกฏเกณท์ชัดเจนแล้วจับกันมั่วซั่ว คงลำบากแน่ๆ

ปล ดีใจจัง ในที่สุดก็ได้เม้นบล็อกนี้ซะที!

8:37 AM

 
Blogger ratioscripta said...

ไปบอกว่าเค้าเข้าข่ายในการยกเว้นโทษหรือไม่ ตามมาตรา 65 เป็นคุ้งเป็นแคว

แต่ไม่ยักกะบอกว่าการกระทำหรือพฤติกรรมดังกล่าวมันเข้าข่ายเป็นความผิดฐานใด หรือไม่

ถ้าจะบ๊องส์

ในความเห็นผมนะครับ ผมว่าการกระทำดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐาน

"ทำให้เสียทรัพย์" ถึงแม้ว่าการกระทำดังกล่าวอาจจะไม่ถึงขนาดทำให้หมูล้มหายตายจากไปเลย แต่ก็น่าจะอยู่ในความหมายของ "ทำให้เสื่อมค่า" ได้เหมือนกัน

เพราะถ้าเจ้าของจะเอาหมูตัวนี้ออกขาย

ไม่รู้ว่าจะมีใครซื้อ นี่ไม่นับหากการข่มขืนดังกล่าวก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บให้แก่แม่หมูผู้โชคร้ายด้วยนะครับ

นอกจากนั้นก็อาจเป็นความผิดในภาคลหุโทษ ในฐานเจ้าประจำครับ

"ตามมาตรา 388 ผู้ใดกระทำการอันควรขายหน้าต่อธารกำนัล โดยเปลือย หรือเปิดเผยร่างกาย หรือกระทำการลามกอย่างอื่น ต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน ห้าร้อยบาท"

เพราะว่าน่าจะเข้าข่าย เป็น "กระทำการลามกอย่างอื่น"

นอกจากสองฐานดังกล่าวข้างต้น ผมมีอีกฐานหนึ่งมานำเสนอครับ

อยู่ในภาคลหุโทษเช่นกัน

"มาตรา 381 ผู้ใดกระทำการทารุณต่อสัตว์ หรือฆ่าสัตว์โดยให้รับทุกขเวทนา อันไม่จำเป็น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

น่าจะเป็นการ "ทารุณต่อสัตว์" ได้มั๊งครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่างที่เคยว่าไว้ ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าเจ้าทุกข์ยอมความก็จบครับ

ส่วนอีกสองฐานหลังนั้น ถ้าผู้ต้องหายอมจ่ายค่าปรับในอัตราที่สูงสุด แล้วพนักงานสอบสวนเห็นว่าดำเนินคดีไปก็ไลท์บอย ก็อาจมีการเปรียบเทียบปรับได้ครับ คดีอาญาก็ระงับ และไม่ต้องไปฟ้องศาลไคฟงอะไร

แต่เหนือสิ่งอื่นใด

การรักษาที่ถูกต้องครับ

ยังไงก็ยังต้องบำบัดรักษาต่อไป เพราะเราไม่รู้ว่าการปล่อยให้อยู่ในสังคม ที่น่าจะมีการตั้งรังเกียจเค้าไว้แล้ว จะทำให้อาการของเค้าหนักขึ้นไปกว่านี้อีกหรือเปล่า ซึ่งนั่นหมายถึงอาจก่อภยันตรายได้มากกว่า ทำกับ "สุกร" และสัตว์เลี้ยง

เพราะไม่แน่ว่าอีกหน่อย หม้อหุงข้าวของเช้าบ้าน เค้าก็อาจไม่ละเว้นล่ะครับ

6:57 PM

 
Blogger crazycloud said...

เดี๋ยวนี้ผมว่า คนสังวาสสัตว์เยอะ เพราะ มักได้ยินคำอุธานบ่อยๆ เช่น เช็ดเป็ด เช็ด(คาง)ครก เช็ดโด้ เช็ดหมา แสดงว่ามีจริง

วันนั้นเดินไปข้าวสาร เห็นฝรั่งทะเลาะกับเมียไทย ฝ่ายเมียหลุดสบถออกมา Fucking Duck!ฮา ฮา สบถเป็น Present Continuous ซะด้วย

2:55 AM

 
Anonymous Anonymous said...

เอ่อ...ถ้าพิสูจน์ได้ว่า หมูมันมีความสุขเหมือนกัน จะเป็น "ทรมาน" ได้ไหมล่ะครับ ???

9:18 AM

 
Blogger ratioscripta said...

จริงๆแล้ว เค้าก็มีข้อถกเถียงกันทางปรัชญากฎหมายอาญาครับว่า การบัญญัติให้พฤติกรรมใดพฤติกรรมหนึ่ง เป็นความผิดอาญา หรือมีโทษทางอาญานั้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะหากเบื้องหลังแห่งการบัญญัตินั้น เป็นเพียง "ข้อความคิดว่าด้วยศีลธรรม" และเป็น ศีลธรรมในเรื่อง "การดำเนินชีวิต" หรือ "รสนิยม" เพียงเท่านั้น

เช่น การนิยมในการเสพสังวาส และหาความรื่นรมย์ในเพศรส หากไม่ถึงกับเป็นการข่มขื่นกระทำชำเรา ล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพในการมีเพศสัมพันธ์ของผู้อื่น แม้จะพิสดารโลดโผนเพียงใด ก็ไม่สมควรกำหนดพฤติกรรมเยี่ยงนั้นให้เป็นความผิดอาญา และมีโทษทางอาญา

กรณีนี้ก็คงคล้ายๆกันล่ะครับ

ในส่วนของการแสวงหาความสุข ความรื่นรมย์ทางเพศ คงไม่เป็นความผิดอาญา แม้จะเปลี่ยนเป็นการเสพสังวาสกับเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือพืชพันธุ์ใดๆก็ตาม

แต่ในคุณค่าอื่น เช่น การกระทำลามกอนาจาร ต่อหน้าธารกำนัล ก็ยังคงต้องเป็นความผิดอยู่ รวมไปถึงการทำให้เสียทรัพย์ (หากมันเข้าองค์ประกอบ)

สำหรับ การพิสูจน์ได้ว่า แม่สุกรตัวนั้น เกิดความหฤหรรษ์ และสุขสมหวัง เพราะสังเกตได้จากรอยยิ้มพริ้มเพราที่ปรากฏบนใบหน้า และเสียงร้องครวญครางที่เต็มไปด้วยความสุข

หากนักสุกรวิทยาสามารถพิสูจน์ข้อความจริงนั้นต่อศาลที่เคารพได้ (ถ้าคดีนี้มันไปถึงศาลได้ผมขอผูกคอตายดีกว่า) จะว่ามันเป็นการ "ทรมาน" ก็คงยากอยู่แหล่ะครับท่าน

เรื่องหมูๆ ใครว่าหมูฟะเนี่ย

9:57 AM

 
Blogger crazycloud said...

เรื่องประเด็นการกำหนดความผิดอาญา เคยอ่านเจอของ พี่สุรสิทธิ์ เกี่ยวกับทฤษฎีของเยอรมัน ของปรมาจารย์ถ้าจำชื่อไม่ผิด ชื่อรอคซีน กระมัง จำเนื้อหาไม่ได้ แต่ดีมาก ให้ราติโอ้ไปค้นดู รู้สึกจะวนจดหมายข่าวเน แล้วลองมาเขียนดูดิ อิ อิ

10:25 PM

 
Anonymous Anonymous said...

น้องต้อง ... มันจะมี คนเสพสังวาส กับ "มด" เปล่า..... อยากรู้ว่ามันจะทำอย่างไรได้นะ ...มดกัด ...บวมเลย

11:28 PM

 

Post a Comment

<< Home